My latest images for sale at Shutterstock:

วันศุกร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2559

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ( The National Museum Bangkok ) พิพิธภัณฑสถานสำหรับประชาชนแห่งแรกของประเทศไทย

          หลังจากเราไปเที่ยวไปชมไปเยือน

พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่งรัศมี
พระพุทธรูปศิลาขาว นครปฐม
          วันนี้ชวนมาตามชมโบราณวัตถุของจริง ตามรอยประวัติศาสตร์ที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ( The National Museum Bangkok ) กรุงเทพมหานคร (กรุงเทพฯ ดุจเทพสร้าง เมืองศูนย์กลางการปกครอง วัด วัง งามเรืองรอง เมืองหลวงของประเทศไทย) ครับ


ประวัติ/ความสำคัญ "พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร" 


ป้ายหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ( The National Museum Bangkok ) 
          ป้ายหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เขียนเล่าบอกกล่าวไว้ว่า "เดิมเป็นพิพิธภัณฑสถานส่วนพระองค์ของรัชกาลที่ 4 จัดก็บรักษาศิลปโบราณวัตถุและเครื่องราชบรรณาการ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ใช้ศาลาสหทัยสมาคม (หอคองคอเดีย) ในพระบรมมหาราชวัง จัดตั้งพิพิธภัณฑสถานสำหรับประชาชน ขึ้น จากนั้นพิพิธภัณฑ์ได้ย้ายมายัง พระที่นั่งสามองค์ ในพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) รัชกาลที่ 7 ได้พระราชทานพระที่นั่งและหมู่พระวิมานทั้งหมดในวังหน้า ให้ป็น พิพิธภัณฑสถานสำหรับพระนคร โดยได้จัดพื้นที่สำหรับการแสดงออกเป็น 3 หมวด คือ

  1. ประวัติศาสตร์ชาติไทย ตั้งแต่อาณาจักรสุโขทัยถึงสมัยรัตนโกสินทร์ จัดแสดง ณ พระที่นั่งศิวโมกข์พิมาน
  2. ประวัติศาสตร์ศิลปะและโบราณคดีในประเทศไทย แบ่งเป็น 2 ยุค โดยสมัยก่อนประวัติศาสตร์ จัดแสดงในพระที่นั่งศิวโมกข์ด้านหลัง ส่วนสมัยประวัติศาสตร์ จัดแสดงประติมากรรมสมัยพุทธศตวรรษที่ 18 ถึงสมัยรัตนโกสินทร์ที่อาคารประพาสพิพิธภัณฑ์ และประติมากรรมสมัยก่อนพุทธศตวรรษที่ 18 จัดแสดงในอาคารมหาสุรสิงหนาถ
  3. ประณีตศิลป์และชาติพันธุ์วิทยา จัดแสดงเครื่องดนตรี เครื่องถม เครื่องถ้วย เครื่องทอง เครื่องมุก เครื่องไม้จำหลัก เครื่องสูง ผ้าโบราณ หัวโขน หุ่นกระบอก ฯลฯ ในอาคารหมู่วิมาน

         อาคารโรงราชรถ จัดแสดงราชรถที่ใช้ในการพระบรมศพ และเครื่องประกอบในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ "



          และจากเว็ปไซต์ ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศมรดกศิลปวัฒนธรรม เขียนเล่าบอกกล่าวไว้ว่า "พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร นับเป็นพิพิธภัณฑสถานสำหรับประชาชนแห่งแรกของประเทศไทยซึ่งตั้งขี้นเมื่อ พ.ศ.2402 แต่เดิมเป็น "พระราชวังบวรสถานมงคล" หรือวังหน้าซึ่งประกอบด้วยพระที่นั่งและพระตำหนักอันนับเป็นสถาปัตยกรรมไทย ที่งดงามอีกแห่งหนึ่ง      
          ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ได้ทรงจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ส่วนพระองค์ขึ้นที่ พระที่นั่งประพาสพิพิธภัณฑ์ ซึ่งทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นในพระบรมมหาราชวัง เพื่อเก็บรักษาโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ซึ่งเป็นเครื่องราชบรรณาการต่างๆ นับว่าเป็นบ่อเกิดของพิพิธภัณฑ์ในสมัยต่อมา               ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้ง "มิวเซียม" ณ ศาลาสหทัยสมาคม หรือหอคองคอเดียในพระบรมมหาราชวัง เปิดให้ประชาชนเข้าชมเป็นครั้งแรก เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมายุครบ 21 พรรษา เมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ.2417 ครั้งต่อมาเมื่อ พ.ศ.2430 กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ ทิวงคต จึงได้มีประกาศยกเลิกตำแหน่งพระอุปราชแล้ว ทำให้สถานที่ในพระราชวังบวรสถานมงคลว่างลง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายพิพิธภัณฑสถานจากหอคองคอเดีย ไปตั้งจัดแสดงที่พระราชวังบวรสถานมงคลเฉพาะด้านหน้า 3 องค์ โดยใช้พระที่นั่งด้านหน้าคือ พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ และพระที่นั่งอิศราวินิจฉัย เรียกว่า "พิพิธภัณฑ์วังหน้า"        
          ต่อมาในปี พ.ศ.2469 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 โปรดเกล้าฯ พระราชทาน พระราชมณเฑียรในพระราชวังบวรสถานมงคลทั้งหมดให้จัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑสถานสำหรับ พระนครขึ้น และได้จัด พระที่นั่งศิวโมกขพิมานให้เป็นสถานที่จัดแสดง ศิลาจารึก คัมภีร์ ใบลาน สมุดไทย ตำราโบราณ เรียกว่าหอสมุดวชิรญาณ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2469 เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ต่อมาประเทศไทยได้เปลี่ยนแปลงการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราช มาเป็นระบอบประชาธิปไตย รัฐบาลได้จัดตั้งกรมศิลปากรขึ้นเมื่อ พ.ศ.2476 พิพิธภัณฑสถานสำหรับพระนคร จึงได้เข้าสังกัดกับกรมศิลปากร และได้ประกาศตั้งเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เมื่อ พ.ศ.2477"          
 
สถานที่ตั้ง "พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร"
         แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

เวลาเปิด-ปิด "พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร"
        เวลาทำการ 09.00-16.00 น. ปิดวันจันทร์ วันอังคาร

การเดินทางไป "พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร"
         พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ( The National Museum Bangkok ) อยู่ไม่ไกลจากวัดพระแก้วสามารถเดินเท้ามาเที่ยวชมได้ ดังแผนที่ด้านล่างครับ

แผนที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ( The National Museum Bangkok )

เดินทางถึงเป้าหมาย "พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร"
            เมื่อเดินทางถึงพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ( The National Museum Bangkok )  ไปตามชมโบราณวัตถุของจริง ตามรอยประวัติศาสตร์กันครับ (รูปประกอบ : ถ่ายวันที่ 2 เม.ย.2559)
            แผนผังห้องจัดแสดง ( Museum Plan)

แผนผังห้องจัดแสดง ( Museum Plan) ป้ายหน้าพระที่นั่งศิวโมกขพิมาน

1.พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน ห้องประวัติศาสตร์ชาติไทย
2.พระที่นั่งพุทไธสวรรย์
3.อาคารมหาสุรสิงหนาท ประวัติศาสตร์ศิลปะไทยก่อนพุทธศตวรรษที่ 18
4.อาคารประภาสพิพิธภันฑ์ ประวัติศาสตร์ศิลปะไทยตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 18
5.พระที่นั่งอิศราวินิจฉัยและหมู่พระวิมาน
6.พระที่นั่งอิศเรศราชานุสรณ์
7.โรงราชรถ
8.พระตำหนักแดง
9.ศาลาสำราญมุขมาตย์
10.พระที่นั่งมังคลาภิเษก
11.พระที่นั่งปาฏิหารย์ทัศไนย
12. ศาลาลงสรง
13.เก๋งนุกิจราชบริหาร
14. หออนุสรณ์เจ้าพระยายมราช
            ( เพื่อความกระชับของเนื้อหา ผู้เขียนจะแยกเนื้อหารออกเป็นหลายๆตอน และจะนำมาใส่ลิงค์คลิกอ่านรายละเอียดตามหมายเลขการจัดแสดงข้างบนต่อไป )

            ก่อนเข้าไปตามรอยประวัติศาสตร์ เราสังเกตุป้ายข้อห้ามและข้อควรปฏิบัติก่อนครับ



           ไปดูไปตามชมโบราณวัตถุของจริง ตามรอยประวัติศาสตร์ ตามหา พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่งรัศมี ซึ่งจะจัดแสดงไว้ที่ พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน ห้องประวัติศาสตร์ชาติไทยครับ ( ในแผนผังคือหมายเลข 1 )

 พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน ห้องประวัติศาสตร์ชาติไทย

 พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน ห้องประวัติศาสตร์ชาติไทย

           มุ่งหน้าตามรอยประวัติศาสตร์ดังเป้าหมายที่อยากมาชมความงดงามของโบราณศิลปะครับนั่นคือ พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่งรัศมี ของจริงที่กรมศิลปากรได้นำมาเก็บรักษาไว้ที่นี่  

 พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่งรัศมี

 พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่งรัศมี
           ทัศนาความงดงามของโบราณวัตถุ พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่งรัศมี องค์จริงให้เต็มความอยากเห็นครับ และไปดื่มด่ำกับความงดงามของโบราณวัตถุชิ้นอื่นๆ ที่สำคัญในทุกชิ้นที่ได้นำมาจัดแสดง ณ พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน ห้องประวัติศาสตร์ชาติไทย และร่วมภาคถูมิใจกับประวัติศาสตร์ชาติไทยร่วมกันต่อครับ 

  พระวิษณุ จากเทวสถานสำหรับพระนคร (ุ600-700 ปีมาแล้ว)

 พระอิศวร จากเทวสถานสำหรับพระนคร (ุ600-700 ปีมาแล้ว)

 พระเศียรพระพุทธรูป ขุดพบในวิหารหลวง วัดพระศรีสรรเพชญ์ (ุ500 ปีมาแล้ว)

ทับหลังภาพวิษณุอนันตศายิน (นารายณ์บรรทมสินธุ์) จากปราสาทกู่สวนแตง (ุ900 ปีมาแล้ว)
ศิลาจารึกหลักที่ 1 หรือศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงมหาราช พ.ศ.1835

  พระพุทธรูปทรงเครื่องนาคปรก จากวัดหน้าพระเมร (ุ900 ปีมาแล้ว)
            หลังเราชมความงดงามของโบราณวัตถุชิ้นต่างๆ ที่สำคัญที่ได้นำมาจัดแสดงในพระที่นั่งศิวโมกขพิมาน ห้องประวัติศาสตร์ชาติไทย เรียบร้อยแล้ว เราก็ไปตามรอยประวัติศาสตร์ ตามหาเป้าหมายต่อไปของเรากันต่อครับนั่นคือ พระพุทธรูปศิลาขาว จากการสอบถามเจ้าหน้าที่เพื่อหาจุดแสดงพระพุทธรูปศิลาขาว  ได้รับคำตอบจากเจ้าหน้าที่แจ้งว่า ในส่วนการแสดงของพระพุทธรูปศิลาขาว(ในวันที่เข้าชม) กำลังปรับปรุงซ่อมบำรุงอาคาร ยังไม่เปิดให้เข้าชม หากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครได้ดำเนินการปรับปรุงซ่อมบำรุงอาคารดังกล่าวเรียบร้อยและเปิดให้เข้าชมจะได้กลับมาตามรอยประวัติศาสตร์กันต่อไปครับ
            เราไปตามรอยประวัติศาสตร์ดูส่วนแสดงอื่นๆ ของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครต่อครับ

พระที่นั่งพุทไธสวรรย์   ( ในแผนผังคือหมายเลข 2 )

พระตำหนักแดง ( ในแผนผังคือหมายเลข 8 )
 ศาลาสำราญมุขมาตย์  ( ในแผนผังคือหมายเลข 9 )

พระที่นั่งอิศราวินิจฉัยและหมู่พระวิมาน  ( ในแผนผังคือหมายเลข 5 )
 โรงราชรถ  ( ในแผนผังคือหมายเลข 6 )

 ศาลาลงสรง ( ในแผนผังคือหมายเลข 12 )
            หากใครชอบการท่องเที่ยวแบบสบายๆ ตามชมโบราณวัตถุของจริง ตามรอยประวัติศาสตร์ "พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ( The National Museum Bangkok )" อีกหนึ่งสถานที่ในเมืองไทยที่ไม่ควรพลาดไปเยือนครับ...สวัสดีครับ


ตามรอยเจดีย์พระศรีสรรเพชญ์ดาญาณที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือวัดโพธิ์ ( Wat Pho )
หอกลอง ( Drum Tower )

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น